นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะ
อิมแพ็คฟอรัม เมืองทองธานี - นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ ฮอลล์ ๙ อิมแพ็คฟอรัม เมืองทองธานี โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ นายวรกร คำสิงห์นอก ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) รวมทั้งผู้บริหาร กศน.อำเภอและอาสาสมัคร กศน.จากทั่วประเทศ เข้าร่วมงานกว่า ๑๐,๐๐๐ คน โดยในช่วงพิธีเปิดงาน ผู้บริหารฝ่ายการเมืองได้ร่วมแสดง Reality ชุดบ้านหนังสืออัจฉริยะกับเหล่านักแสดง ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสัญญาณสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ไปยัง ๔ ภูมิภาคที่ได้จัดพิธีเปิดโครงการ ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ขอนแก่น เชียงใหม่ และสงขลา
รมว.ศธ.กล่าวว่า โครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะในช่วงแรก มีเป้าหมายจัดตั้งบ้านหนังสืออัจฉริยะรวม ๔๑,๘๐๐ แห่งจาก ๘๐,๐๐๐ หมู่บ้านทั่วประเทศ แบ่งเป็น พื้นที่ปกติ ๔๐,๐๐๐ แห่ง และพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลาอีก ๑,๘๐๐ แห่ง รวมทั้งห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ๘๗ แห่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมการอ่าน เปิดโอกาสให้ประชาชนในหมู่บ้านได้มีหนังสืออ่านมากขึ้น
โดย ศธ.ได้สนับสนุนงบประมาณแห่งละ ๑๑,๕๐๐ บาท เพื่อจัดซื้อหนังสือ ประกอบด้วยหนังสือพิมพ์รายวันๆ ละ ๒ ฉบับต่อแห่ง วารสาร/นิตยสารรายสัปดาห์เดือนละ ๔ ฉบับ วารสาร/นิตยสารรายปักษ์เดือนละ ๒ ฉบับ รวมทั้งหนังสือเรียน นวนิยาย เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวของประเทศได้ตลอดเวลา และจัดหาหนังสือที่มีความหลากหลายเพื่อให้ประชาชนได้เลือกอ่านตามความต้องการ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งจัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการอ่านหนังสือ ก่อให้เกิดประโยชน์จากการอ่าน เกิดรายได้ และส่งเสริมความรู้ด้านการประกอบอาชีพ เช่น การอ่านหนังสือธรรมะ มีกิจกรรมนั่งวิปัสสนา นั่งสมาธิ หนังสือสิ่งประดิษฐ์ มีกิจกรรมสร้างรายได้จากการทำสิ่งประดิษฐ์ เป็นต้น
ในอดีตที่ผ่านมามีหลายคนที่ได้ดีจากการอ่านหนังสือเพียงเล่มเดียว เป็นการอ่านหนังสือที่ช่วยเปลี่ยนชีวิต ซึ่ง ศธ.ก็หวังว่าการที่มีบ้านหนังสือเช่นนี้ จะมีผู้มีจิตศรัทธายอมเปิดบ้านตนเองให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน ซึ่งในช่วงแรกมีผู้มีคุณูปการถึง ๔๐,๐๐๐ คน รวมทั้งจะทำให้สาธารณชนได้เห็นประโยชน์ของการอ่านและกิจกรรมเหล่านี้ โดยช่วยกันบริจาคหนังสือเข้ามาเยอะๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาความรู้ของคนไทย และสอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนเรียนรู้ตลอดชีวิต
ในปี ๒๕๕๗ ศธ.จะพยายามผลักดันให้มีบ้านหนังสือเพิ่มเติมในอีก ๔๐,๐๐๐ หมู่บ้าน เพื่อให้มีบ้านหนังสืออัจฉริยะครบทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน ไอแพด แท็บเล็ต แต่หนังสือก็ยังมีอยู่และมีความสำคัญ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถหาความรู้และรับข้อมูลข่าวสารจากเทคโนโลยีได้ ซึ่งหนังสือมีข้อดีที่สามารถหยิบอ่านได้ตลอดเวลา และความรู้บางอย่างที่มีอยู่ในหนังสือก็ไม่ได้มีอยู่ในอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ครบทั้งหมด โดยเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังชอบที่จะอ่านหนังสือที่เป็นกระดาษมากกว่าการอ่านจากจอ
ภาพ สถาพร ถาวรสุข
โครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะ จัดขึ้นตามมติ ครม.เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ โดยเห็นชอบให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ กำหนดให้วันที่ ๒ เมษายนของทุกปีเป็นวันรักการอ่าน และกำหนดให้ พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๖๑ เป็นทศวรรษแห่งการอ่าน ซึ่ง ศธ.โดย กศน.ในฐานะเจ้าภาพหลักในการดำเนินงาน ได้กำหนดยุทธศาสตร์ส่งเสริมการอ่านเพื่อขับเคลื่อน ๓ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ การพัฒนาคนไทยให้มีความสามารถในการอ่าน การพัฒนาคนไทยให้มีนิสัยรักการอ่าน และการสร้างบรรยากาศสิ่งแวดล้อมในการอ่านให้ยั่งยืน ซึ่งโครงการบ้านหนังสืออัจฉริยะมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมนิสัย รักการอ่านให้กับประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร และเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้โดยจัดตั้งบ้านหนังสือ อัจฉริยะให้เป็นธนาคารความรู้ใกล้บ้าน และมีข้อมูลข่าวสารใกล้ตัวให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย
ทั้งนี้ ทำเลของการจัดตั้งบ้านหนังสืออัจฉริยะจะต้องอยู่ศูนย์กลางของหมู่บ้าน เช่น ร้านกาแฟ ร้านน้ำชา ร้านค้า บ้านผู้มีจิตศรัทธา บ้านผู้นำชุมชน อาคารอเนกประสงค์ ศาลากลางบ้าน สหกรณ์ประจำหมู่บ้าน โดยมีอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน เป็นผู้ที่มีจิตอาสาช่วยเหลืองานส่งเสริมการอ่าน รักการอ่าน และมีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านนั้นๆ
นวรัตน์ รามสูต
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
18/02/2556
Comments
Post a Comment