นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีร่วมงานส่งเสริมการลงทุนไทย – สวีเดน โดยมีนาง Ewa Bjorling รัฐมนตรีการค้าสวีเดนร่วมงาน โดยนายกรัฐมนตรีให้ความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเมือง และเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของไทย พร้อมแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของอาเซียน และภูมิภาค นำมาซึ่งศักยภาพและโอกาสทางการลงทุนใหม่ๆ
ไทยและสวีเดนมีพื้นฐานความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งมากว่า 145 ปี โดยไทยและสวีเดนต่างยึดมั่นในประชาธิปไตยและสันติภาพ การเคารพสิทธิมนุษยชน และนิติรัฐ รวมทั้ง เคารพความหลากหลายแตก
ต่างทางความคิดของประชาชน แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมานสามัคคี โดยรัฐบาลไทยยึดมั่นในคุณค่าดังกล่าวและนำเป็นแนวนโยบายและการปรองดอง รวมทั้ง การแก้ปัญหาภาคใต้ ไทยและสวีเดนมีประโยชน์ร่วมกันหลายประการ ความตกลงการคุ้มครองด้านภาษีการลงทุน ความร่วมมือทางวิชาการ และวิทยาศาสตร์ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการค้าและการลงทุน ที่เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 700 ล้าน Kroner ถึง 911 ล้าน Kroner ในปี 2012 ความเป็นหุ้นส่วนของไทยและสวีเดนมีพลังขับเคลื่อน ไทยกำลังดำเนินแผนยุทศาสตร์ใหม่เพื่อการพัฒนาประเทศและสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ๆ โดยปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 6.4 ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ เป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และจะรักษาการเติบโตร้อยละ 4 – 5 ในระยะยาว นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาห่วงโซ่มูลค่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์ Creative Advantage ทางการแข่งขัน ซึ่งต้องการแนวทางใหม่ๆทั้งในภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม สำหรับภาคเกษตรกรรม รัฐบาลได้ดำเนินการจัดทำ Zoning เพื่อให้ผลผลิตเติบโตในพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงทางอาหารของโลก ด้วยการบริหารจัดการด้านอุปสงค์และอุปทานที่สอดคล้อง ภาคอุตสาหกรรม มีการส่งเสริมสิทธิพิเศษอย่างต่อเนื่อง ทั้งอุตสาหกรรมยางพารา ธุรกิจด้านกสิกรรม ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะเดียวกัน มีการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น พลังงานสะอาด วัตถุดิบชีวภาพ สาธารณสุข และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนการลงทุน คือ การลงทุนในสาธารณูปโภคสำคัญ โดยรัฐบาลได้เห็นชอบแผนเบื้องต้นในการลงทุนจำนวน 479 ล้าน Kroner ด้านการคมนาคมขนส่ง และโลจิสติกส์ ซึ่งจะพัฒนาการเชื่อมโยงและขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาว และไทยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การพัฒนาจำเป็นต้องทั่วถึง เพื่อให้เกิดการเติบโตในระยะยาว และลดช่องว่างความยากจนและรายได้ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้แก่ประชาชน มีการคุ้มครองทางกฎหมายที่เท่าเทียมกัน มีการเข้าถึงการบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ และสร้างความปลอดภัยในสังคม การพัฒนาการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและมีแรงงานที่มีคุณภาพสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะมาถึง รวมทั้ง การแก้ปัญหาแรงงานเด็ก และโอกาสแก่สตรี โดยการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำจำนวน 65,000 ล้าน Kroner ซึ่งการพัฒนาพลังงานทางเลือกนั้นต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆจากสวีเดน นอกจากนี้ ธรรมาภิบาลในภาครัฐนับเป็นปัจจัยสำคัญ เพื่อส่งเสริมการบริการที่ดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และการแก้กฎหมายให้เอื้อต่อการลงทุน โดยนายกรัฐมนตรียืนยันถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งโอกาสการลงทุนต่างๆเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และพร้อมจะเป็นหุ้นส่วนกับสวีเดนเพื่อสร้างเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
--------------------------------------------
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษ
Comments
Post a Comment