นายกรัฐมนตรีเตรียมประชุมผู้นำ ACMECS เพื่อยืนยันบทบาทของไทยในการเป็นประเทศผู้ให้ ช่วยขับเคลื่อนและลดช่องว่างด้านการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก




นายกรัฐมนตรีเตรียมประชุมผู้นำ ACMECS เพื่อยืนยันบทบาทของไทยในการเป็นประเทศผู้ให้ ช่วยขับเคลื่อนและลดช่องว่างด้านการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะบุคคลสำคัญประกอบด้วย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (The Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ครั้งที่ 5 ณ เวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม 2556 ดังนี้




การประชุม ACMECS เป็นกรอบการหารือระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ที่เป็นสมาชิกอาเซียน ประกอบด้วย 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งไทยเป็นประเทศผู้ริเริ่ม เมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยจะเป็นการติดตามและทบทวนความร่วมมือของ ACMECS ที่ผ่านมา และทิศทางความร่วมมือในอนาคต มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งและความหลากหลายของประเทศสมาชิก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างสมดุล โดยเป็นการประชุมระดับผู้นำ ครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546 ที่เมืองพุกาม ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2548 ที่กรุงเทพ ครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2551 ที่กรุงฮานอย และเมื่อปี พ.ศ. 2553 ที่กรุงพนมเปญ ผ่าน 8 สาขาความร่วมมือ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุน (ไทยเป็น Lead Country) การเกษตร อุตสาหกรรมและพลังงาน ความเชื่อมโยงทางคมนาคม การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข (ไทยเป็น Lead Country) และสิ่งแวดล้อม

โดยการประชุมครั้งนี้ มีความสำคัญเนื่องจากจะมีการรับรองปฏิญญาเวียงจันทน์ และแผนปฏิบัติการ ACMECS ปี ค.ศ. 2013-2015 ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ยกร่าง เน้นการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน ด้วยการเชื่อมโยงให้ประเทศ ACMECS เป็นฐานการผลิตเดียว ตามแนวทางการเป็นประชาคมอาเซียน เพื่อให้เป็นห่วงโซ่การผลิตทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยไทยในฐานะประเทศที่มีบทบาทนำ และเป็นผู้ริเริ่มกรอบความร่วมมือ ACMECS จะยืนยันบทบาทของไทยในการเป็นประเทศผู้ให้ เพื่อขับเคลื่อนและลดช่องว่างด้านการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก โดยจะเน้นเรื่องการให้ความช่วยเหลือในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการเชื่อมโยง (Connectivity) เมืองสำคัญเพื่อการค้า การท่องเที่ยว และการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการ โดยเฉพาะในสาขาสาธารณสุข รวมทั้งชี้ให้เห็นความจำเป็นของประเทศสมาชิกในการพึ่งพาระหว่างกันมากขึ้น เชื่อมโยงการผลิตและเศรษฐกิจร่วมกัน ทั้งในภาคอุตสาหกรรม การเกษตร และพลังงาน เน้นการส่งเสริมการเป็นฐานการผลิตเดียว ผลักดันให้มีการอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุน การข้ามพรมแดน จัดตั้งเมืองคู่แฝดชายแดน (Sister Cities) ยกระดับจุดผ่านแดน รวมทั้งส่งเสริมการยกระดับขีดความสามารถของแรงงาน และการพัฒนา R&D ของประเทศสมาชิก และผลักดันให้ประเทศสมาชิกที่เหลือเข้าร่วมโครงการ ACMECS Single Visa ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดการเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ในวันอังคารที่ 12 มีนาคม 2556 เวลา 16.30 น. และจะเดินทางถึงประเทศไทยในวันพุธที่ 13 มีนาคม 2556 เวลา 16.15 น.





************************************



กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ / สำนักโฆษก



Comments