อภิสิทธิ์จี้ ผบ.ตร. ต้องมีคำตอบ กรณีตำรวจทำร้ายประชาชนหน้าสนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น

(27 ธ.ค. 56) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงเหตุการณ์หน้าสนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น วานนี้ว่า ทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และความสูญเสียที่เกิดขึ้น ตนได้ไปเยี่ยมคนเจ็บที่ รพ.ราชวิถีจำนวนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของผู้ชุมนุมนั้นเป็นอย่างไร คิดว่าแถลงการณ์ของ กกต. เป็นสิ่งที่น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาพปัญหาที่มันกำลังเกิดขึ้น แทนที่รัฐบาลจะปรึกษาหารือ หรือแม้แต่รับพิจารณา หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้นกลับยืนยันให้จัดการเลือกตั้ง และเหมือนกับขู่ กกต. กลายๆ

“ตลอดทั้งวันก็มีสถานการณ์ต่อเนื่อง ผมเองนั้นช่วงเช้าก็มีการประชุมอยู่ แต่ว่าก็มีการติดตามสถานการณ์อยู่ พอมาช่วงบ่ายผมคิดว่าสิ่งที่เป็นแถลงการณ์ของ กกต. เป็นสิ่งที่น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาพปัญหาที่มันกำลังเกิดขึ้น ผมเชื่อว่าทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ผมได้ไปเยี่ยมคนเจ็บที่ รพ.ราชวิถีจำนวนหนึ่ง แล้วก็เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของผู้ชุมนุมนั้นเป็นอย่างไร เพราะว่าต้องเผชิญกับการยิงของเจ้าหน้าที่มาเกือบทั้งวัน ตอนผมไปนั้นก็ช่วงบ่ายแล้ว


แต่ว่าแถลงการณ์ของ กกต. ได้สรุปเอาไว้ค่อนข้างตรง นั่นก็คือว่า 1. เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเตือนว่าการเลือกตั้งนั้นถ้าหากว่าดำเนินไปในบรรยากาศเช่นนี้มันจะมีความขัดแย้ง แล้วมันก็จะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง อันนี้ กกต. เขาก็เขียนชัดเลยว่าเขาเคยส่งสัญญาณแล้ว แต่ว่าในขณะนั้นก็คงจำได้ว่าเมื่อคุณยิ่งลักษณ์เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แล้วยืนยันว่าจะจัดการเลือกตั้ง และยืนยันว่าจะต้องจัดการเลือกตั้ง เขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ เมื่อเกิดเหตุขึ้น เขาก็พูดชัดขึ้นไปอีกว่า การรับสมัครบัญชีรายชื่อนี้เป็นเพียงแทบจะเรียกว่าขั้นตอนแรก หรือขั้นตอนแรกๆ ของการเลือกตั้ง จะต้องมีกระบวนการอีกเยอะที่ตามมา แล้วก็ใช้คำว่า คาดการณ์ได้ไม่ยาก ว่าถ้าหากว่าเดินหน้ากันไปแบบนี้ก็จะเกิดเหตุต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นก็อยากจะเสนอให้มีการเลื่อนเลือกตั้ง และให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน

ผมว่าก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบของ กกต. ซึ่งต้องทำหน้าที่ของตนเองด้วย แต่ก็พยายามที่จะเตือนว่ามันควรจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า พอออกแถลงการณ์มา แทนที่รัฐบาลจะปรึกษาหารือ หรือแม้แต่รับพิจารณา หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้นกลับยืนยัน แล้วก็เหมือนกับจะขู่ กกต. กลายๆ ด้วยว่า จะโดนดำเนินคดี”

นอกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็มีนายพงษ์เทพ ก็ออกมาบอกว่าเลื่อนการเลือกตั้งไม่ได้ และ กกต. มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ก็ต้องจัดการไป
“ต้องย้ำอย่างนี้นะครับ เขาไม่ได้มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งอย่างเดียวนะครับ ต้องพูดให้ครบ เขามีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อวานนี้สิ่งที่เขาเตือนก็คือว่า หากดำเนินการไปเช่นนี้ เขาจะไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม ตามรัฐธรรมนูญได้ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่ทราบนะครับว่า พงษ์เทพหรือใครต่อใครนั้น ซึ่งก็ทราบดีอยู่แล้วว่ามีความขัดแย้ง แล้วก็พรรคประชาธิปัตย์เอง ก็เคยทำหนังสือไปบอกว่า เลื่อนการเลือกตั้ง แล้วก็ถามว่ามันเลื่อนได้มั้ยนั้น ก็มีหลายคนที่เขาก็บอกว่าถ้ามันมีเหตุจำเป็นมันก็เลื่อนได้ แล้วจริงๆ โดยหลักแล้ว การเลื่อนนี้คนที่จะมีปัญหานั้นก็คือคนที่ไม่ใช่รัฐบาลโดยปกติ

เมื่อวานซืนคุณมีชัย ก็ออกมาพูดชัดเจนว่า ที่เขากำหนดวันเลือกตั้งไว้นี่เขากลัวรัฐบาลรักษาการไปเรื่อยๆ แต่ว่าถ้าเกิดฝ่ายต่างๆ เห็นว่ามันจำเป็นต้องเลื่อน ก็ต้องว่ากันแล้วก็มาคุยกัน แต่ว่าเมื่อรัฐบาลปฏิเสธ รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบเต็มๆ นะครับกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

ท่าทีของนายกฯ หลังจากที่ กกต. แถลงวานนี้ ในตอนแรกก็บอกว่าไม่ทราบ แต่ภายหลังก็ปฏิเสธ โดยบอกว่า เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องเป็นกลางและจัดให้มีการเลือกตั้ง
“เขาก็ทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว แต่ว่าเมื่อเขาทำหน้าที่ไม่ได้ เขาก็มีปัญหา มีอุปสรรค เขาได้บอกมาแล้วไงครับ คำถามก็คือวันนี้คุณยิ่งลักษณ์ทำหน้าที่ของตัวเองหรือเปล่า อ้างว่าจะต้องอยู่เพื่อทำหน้าที่ แต่ทำหน้าที่หรือเปล่าล่ะครับ ในการที่จะดูแลให้บ้านเมืองเรียบร้อย”

ถ้าแยกหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม กับหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองของรัฐบาล มันจะต้องประกอบกันใช่หรือไม่
“ถูกต้องไงครับ แล้วก็ผมคิดว่าแถลงการณ์ของ กกต. นั้น ก็อยู่บนพื้นฐานว่าเคยเตือนแล้ว รัฐบาลก็ไปบอกว่า ไม่ต้องเลื่อน จะช่วยให้ทำหน้าที่ได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวาน เขาก็บอกว่ามันไม่ควรจะเกิด และเขาก็ไม่อยากให้มันเกิด แล้วก็ไม่อยากให้มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก เขาก็ต้องทำหน้าที่ในการบอกกับรัฐบาลไงครับว่า ตอนนี้มันน่าจะต้องมีการทบทวนพิจารณา แต่รัฐบาลเองกลับไม่สนใจหน้าที่ของตนเองว่าจะหาทางออกให้กับบ้านเมืองได้อย่างไร คิดแต่การช่วงชิงประโยชน์ของตัวเอง
แม้กระทั่งเรื่องสภาปฏิรูปที่เสนอมา เมื่อวานนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประชุมกันนั้นก็ได้ติดตามเรื่องนี้ แล้วก็ยืนยันว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีทั้งความชอบธรรม ไม่มีทั้งความน่าเชื่อถือ ไม่อยู่ในฐานะที่จะมาทำอะไรอย่างนี้ แล้วก็สิ่งที่เสนอก็เป็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งในการเบี่ยงเบนประเด็น ลดกระแส แล้วก็ชิงความได้เปรียบทางการเมือง”

ถ้าดูจากแถลงการณ์ของ กกต. ที่บอกว่า ถ้ารัฐบาลเพิกเฉย ไม่เลื่อนเลือกตั้ง กกต. ก็จะดำเนินการเอง คุณอภิสิทธิ์คิดว่า กกต. มีทางเลือกอะไรบ้าง
“มีหลายทางละครับ แต่ว่าผมคิดว่าก็ให้เกียรติท่านนะครับ เพราะว่าท่านบอกว่า ท่านจะใช้วิจารณญาณของท่านตามอำนาจหน้าที่ ตามความเหมาะสมต่อไป แต่ผมคิดว่าแถลงการณ์นี้มันน่าจะทำให้ฝ่ายต่างๆ ต้องมาคิดบ้างว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร”

เราจะมองว่าการตัดสินใจของ กกต. ครั้งนี้จะเป็นทางออกหนึ่งได้หรือไม่
“ได้ครับ แต่ว่ามันก็ยังยากนะครับ ไม่มีอะไรง่ายเลยตอนนี้ แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ย้ำพูดกันอยู่ทุกวันนี้ครับว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาขึ้น คนที่ก่อปัญหาจริงๆ ยังไม่เคยแสดงออกถึงความเข้าใจ หรือความสำนึกเลย เมื่อวานผมเห็นคุณยิ่งลักษณ์ไปให้สัมภาษณ์ทำนองว่า เข้าใจผู้ชุมนุม ไม่มีอะไรเลยครับที่บ่งบอกว่า คุณยิ่งลักษณ์เข้าใจ”

ท่าทีพรรคเพื่อไทย โดยหัวหน้าพรรค นายจารุพงษ์ นายโภคิน พลกุล นายพงษ์เทพ
“คนนี้แหละครับ ตัวการสำคัญ ตั้งแต่กฎหมายนิรโทษกรรมแล้วครับว่า ในพรรคเพื่อไทยเขาก็ซุบซิบกันอยู่นะครับว่าคนนี้แหละครับที่ชอบเอาความเห็นทางกฎหมายต่างๆ มาแล้วก็พยายามที่จะยืนยันจุดยืนที่มันทำให้ทุกอย่างแข็งตัว แล้วก็หาทางออกไม่ได้”

โดยเฉพาะนายจารุพงษ์นั้น นอกจากไม่รับถ้อยแถลงของ กกต. แล้ว ยังชี้กลับไปที่ กกต.ว่า จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี คิดว่าเป็นคำขู่ หรือเป็นสิ่งที่จะทำ
“ผมนั้นคิดว่า คุณจารุพงษ์ต้องไปดูให้ดีนะครับ เขาไม่ได้มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งอย่างไรก็ได้ เขามีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่เขาเขียนเมื่อวานก็รัดกุม เขาบอกว่าเขานั้นว่า สภาวการณ์เช่นนี้ เขาไม่สามารถจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ เขาจึงพยายามร้องขอมายังผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีอำนาจที่เกี่ยวข้องก็คือรัฐบาล คนที่ไม่ทำหน้าที่จะกลายเป็นรัฐบาลนะครับ ผมว่าคุณจารุพงษ์ น่าจะต้องไปทบทวนครับ”

เมื่อวันก่อนที่นายกฯ มาประชุมที่สนามบินได้พูดไว้เปรียบตัวเองเหมือนเป็นอยู่บนสังเวียนชกมวย รอให้กรรมการมาตัดสิน โดยใช้กติกาที่ถูกต้อง แต่กรรมการเลือกที่จะไม่ตัดสิน คงต้องยอมถูกชกจนตัวตาย คุณอภิสิทธิ์คิดว่ามีความหมายอย่างไร
“ผมยัง งง เลยครับว่า ใครไปชกล่ะครับ ใครไปชกคุณยิ่งลักษณ์ล่ะครับ ก็เห็นยืนอยู่คนเดียว เที่ยวกวักมือเรียกให้คนมาชกด้วย ก็บอกว่า ไม่ชก เพราะว่าเวลานี้มันวุ่นวายกันไปหมดแล้วทั้งเวที ไม่รู้ใครไปยุให้เปรียบเปรยอะไรแบบนี้ มันไม่ใช่หรอกครับ หยุดอยู่ในโลกของตัวเอง ที่บอกว่าทำหน้าที่ ผมก็ไม่เห็นขณะนี้ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินอย่างไร ความจริงเมื่อวันก่อนเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพิ่งทวงไปบอกว่า ถ้าอยากจะปฏิรูป ก็เริ่มต้นด้วยการลองเปิดเผยตัวเลขจำนำข้าวมาหน่อยสิครับ เพราะว่าเขาสงสัยกันทั้งประเทศ และนี่แหละคือสิ่งที่ต้องปฏิรูปว่า ทำนโยบายกันแบบนี้ มีการทุจริตกันแบบนี้ เพิกเฉยกันไปเรื่อยๆ แล้วก็ถึงเวลาก็หลบหนีความรับผิดชอบ แล้วก็พยายามไปสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองอยู่”

ในประเด็นของสถานการณ์เมื่อวานนี้ตลอดทั้งวัน พอหมอกควันของแก๊สน้ำตาจาง เริ่มปรากฎชัดว่า ประชาชนถูกกระทำอย่างไร และมีการใช้อาวุธปืน มีชายชุดดำบนอาคารอย่างไร คุณอภิสิทธิ์มองภาพนี้ กับภาพอดีตที่เคยเกิดขึ้นนั้นอย่างไร
“คือเมื่อวานนี้ สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือว่า จริงๆ แล้ว หัวใจของมันก็อยู่ที่การจับสลากใช่มั้ยครับ ซึ่งมันเสร็จไปตั้งแต่ 9 โมง ไม่กี่นาทีก็เสร็จใช่มั้ย เพราะฉะนั้นมันไม่น่าจะมีเหตุอะไรแล้วนะครับ แต่ว่าสุดท้ายมันก็ยืดเยื้อมาถึงจนช่วงค่ำ แล้วก็สิ่งที่ตรวจสอบกันเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะภายหลังจากเหตุการณ์เริ่ม อย่างที่ว่า ฝุ่นควันอะไรต่างๆ จางไปแล้ว 1. ก็คือการเจออาวุธจำนวนมากในสนามกีฬา ภาพมุมสูง ผมไม่แน่ใจว่าตึกไหนนะครับ ไม่รู้คุณถนอมได้เห็นคลิปหรือยัง ตึกไหนเหรอครับ ที่มีคนอยู่ข้างบน”

เท่าที่คุยกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ มีทั้งตึกที่เป็นของ กทม. ที่อยู่ในรั้วของศูนย์กีฬา ซึ่งบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าได้ เพราะประตูศูนย์กีฬาปิดหมด เป็นตึกด้านซ้ายของศูนย์ประชุมไทย – ญี่ปุ่น และตึกนี้เป็นตึกที่พักของนักกีฬา
“เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ก็ต้องมาชี้แจงนะครับว่า คนที่ขึ้นไปอยู่บนนั้นเป็นใคร เพราะเราเห็นกันอยู่ชัดเจนว่ามีภาพอยู่ตรงนั้น แล้วก็สิ่งสำคัญนั้นก็คือ มีเหตุการณ์อย่างเช่นการทุบรถของอาสา ก็ไม่น่าเชื่อว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยมันบันทึกเอาไว้ชัดแจ้งว่า อะไรเป็นอะไร”

คุณอภิสิทธิ์คิดว่า เป็นตำรวจจริงหรือไม่ เป็นการทุบโชว์ถ่ายทอดสดเลย
“แล้วเอาเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์มาจากไหนล่ะครับ”

เหตุการณ์สดวานนี้ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ในรถ จนกระทั่งล่าถอยออกไป รถขยับ แสดงว่ามีคนอยู่ในรถ
“ก็น่าเห็นใจมากๆ ครับ คงนึกภาพออกนะครับว่าเป็นอย่างไร ผมนั้นเคยเจอทุบรถอย่างนี้ แต่ว่าตอนนั้นเป็นรถกันกระสุน ลักษณะการกระทำก็คล้ายๆ กันเลยครับ แต่อันนี้น่ากลัวกว่านะครับ เพราะว่ามีอุปกรณ์อะไรต่างๆ ที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายได้มากกว่า”

คนในเครื่องแบบอย่างนี้ ที่ประชาชนคิดว่าน่าจะพึ่งได้ และปลอดภัยไม่ใช่หรือ
“ก็นี่แหละครับ คือคำถามหลายอย่างที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตอนนี้ คือเราไม่พูดถึงรัฐบาล กับมหาดไทยแล้ว เพราะว่าดูทัศนคติของผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นไม่ได้สนใจอะไรนอกจากการรักษาอำนาจกัน การพยายามที่จะต่ออำนาจให้กับตัวเอง แต่ว่าเจ้าหน้าที่นั้นผมว่า ผู้บังคับบัญชาของทางตำรวจ วันนี้ก็คงต้องมีคำตอบให้กับประชาชนว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วก็แนวทางปฏิบัติเป็นอย่างไร”

ขอย้อนภาพเหตุการณ์ให้คุณอภิสิทธิ์ช่วยอธิบายด้วย ในเหตุการณ์ที่นายกฯ สมชายขณะนั้นสลายการชุมนุมของพันธมิตร เมื่อวันที่ 7 ธค. 2557 ซึ่งต่อมา ปปช. ชี้มูลความผิดทั้ง นายกฯ สมชาย พล.อ.ชวลิต พล.ต.อ.พัชรวาท และพล.ต.ท.สุชาติ ผบช.น. ว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง ในส่วนของตำรวจหลังจาก ปปช. ชี้มูล ก็ต้องส่งเรื่องมาให้นายกฯ อภิสิทธิ์ในสมัยนั้น ตอนนั้นได้ทำอย่างไร
“ผมก็ดำเนินการตามหน้าที่ไป ก็คือในที่สุดแล้ว ก็เปรียบเสมือนว่า เป็นการชี้มูล ก็คือการมีผลสอบข้อเท็จจริงมาหมดแล้ว ก็เป็นเรื่องของการดำเนินการทางวินัย ก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย แต่ว่าประเด็นที่น่าติดใจก็คือว่า ขณะนี้การเรียนรู้จากปัญหา การยิงแก๊สน้ำตาตรง เพราะว่าเมื่อวานนี้ก็ไปโรงพยาบาลก็มีคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตา ไม่ใช่จากแก๊ส แต่จากตัวแรงอัดอะไรต่างๆ เราก็นึกว่าตรงนี้มันมีการพูดคุยกันไว้ชัดเจนแล้วว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก ที่รัฐบาลที่แล้วก็จึงหลีกเลี่ยงการใช้วิธียิง แต่ว่าขอให้ใช้วิธีเป็นระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดขว้าง อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งต้องการคำตอบ

ทีนี้เมื่อวานช่วงเย็น ผมไม่ได้ดูการแถลงของรัฐบาล แต่บังเอิญเห็นตอนที่คุณสุเทพขึ้นไปบนเวทีแล้วก็บอกว่า มีการเอาภาพเก่ามาด้วย ผมก็ไม่แน่ใจว่า ในคำแถลงของรัฐบาลใช้ภาพนั้นหรือเปล่า แต่ดูแล้วมันกลายเป็นว่าขณะนี้เราไม่พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็ขอให้ทุกฝ่ายต้องมาคิดหาคำตอบกันแล้ว ก็ไม่ทราบครับว่าวันนี้จะมีท่าทีที่ปรับเปลี่ยนไปหรือไม่ หรือว่า กกต. จะมีบทบาทเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะรู้สึกว่าเมื่อวานนี้ในแถลงการณ์ กกต. ก็เขียนเอาไว้นิดหนึ่งว่า เขาอาจจะเป็นคนที่เป็นเจ้าภาพเสียเอง ในการที่จะมาดูว่าจะสามารถหาทางออกอย่างไรได้บ้าง เพราะฉะนั้นก็คงต้องรอดูตรงนั้น

ขณะเดียวกันในส่วนของสภาปฏิรูป ก็ชัดเช่นเดียวกันครับว่า ในส่วนของ หอการค้า ซึ่งเป็น 1 ใน  องค์กรก็พูดค่อนข้างชัดว่า สิ่งที่รัฐบาลเสนอนั้นมันไม่ได้ตอบโจทย์อย่างที่เขาตั้งใจ แล้วก็ขอให้รัฐบาลทบทวน เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่ารัฐบาลต้องพิจารณาคำแถลงการณ์ทั้งของสภาหอการค้า และของ กกต. แล้วก็ควรจะมีท่าทีที่ชัดว่าเป็นอย่างไร

ส่วน ผบ.ตร. เอง ผมก็คิดว่าน่าจะต้องออกมาทำความกระจ่าง แล้วก็ต้องไปทบทวนดูว่า ภาพเหตุการณ์ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ต่อการปฏิบัติของคนที่อยู่ในเครื่องแบบของตำรวจ เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร”

วานนี้ ปปช. ได้แจ้งข้อกล่าวหากับประธาน และรองประธานรัฐสภา ว่าจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ คุณอภิสิทธิ์คิดว่าเรื่องนี้จะเป็น 1 ในทางออกของประเทศหรือไม่
“คือมันไม่ใช่เรื่องการหาทางออกนะครับ เรื่องของ ปปช. นี้ มันเป็นเรื่องของการต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพียงแต่ว่าขณะนี้ผมคิดว่าหลายคดีที่ข้อเท็จจริงเขาค่อนข้างชัดเจน ไม่ได้มีความสลับซับซ้อน ถ้าดำเนินการได้เร็ว ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับการหาทางออกให้กับบ้านเมือง”

เท่ากับเป็นปลดล็อคอีกทางหนึ่ง ซึ่งว่าโดยกฎหมายเลย
“ต้องว่ากันตรงไปตรงมานะครับ ไม่ใช่เอาเรื่องนี้มาปลดล็อคนะครับ แต่ว่ามันเป็นข้อเท็จจริง ก็ต้องดำเนินการกันไปครับ”

หลังจากนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ และคุณอภิสิทธิ์จะมีท่าทีอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้บ้าง
“การตรวจสอบก็ต้องทำในฐานะพรรคการเมือง เท่าที่ทำได้นะครับ ขณะเดียวกันนั้นการที่จะต้องร่วมกันหาทางออกโดยเฉพาะในแง่ของงานปฏิรูปซึ่งเราได้ตั้งใจว่า เป็นงานสำคัญที่สุด เราก็จะขับเคลื่อนของเราต่อไปครับ”

ถึงวันนี้ผู้ชุมนุมมวลมหาประชาชนอยู่มาแล้วเกือบ 60 วัน คุณอภิสิทธิ์จะให้กำลังใจอย่างไรบ้าง
“ผมคิดว่าประชาชนทุกคนที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ยึดมั่นในกฎหมาย ยึดมั่นในสันติวิธี แล้วก็ดำเนินการกันอยู่ในขณะนี้ หลายคนก็อาจจะมีความรู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมมันต้องต่อสู้กันยาวนานกันขนาดนี้ เมื่อกี้ที่จริงผมก็พอดีมาใส่บาตรปีใหม่ งานโรงเรียนลูก ก็เจอหลายท่านครับที่เป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ที่บอกว่า มันจะจบเมื่อไหร่ มันจะจบมั้ย อะไรอย่างนี้นะครับ ผมก็คิดว่า ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดนะครับ แล้วก็มีกำลังใจในการทำสิ่งที่ถูกต้องครับ ในที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวที่ทำให้บ้านเมืองเดินไปได้ครับ”



Comments