อภิสิทธิ์เดินหน้าพบภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น เตรียมจัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน


(2 ม.ค. 57) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ว่าแนวคิดเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้งมี 2 แบบ คือเลื่อนวันลงคะแนน ขยายวันรับสมัคร หรือ ยกเลิกการเลือกตั้งวันที่ 2 กพ. แล้วกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ “วันนี้หลายคนคงกลับมาจากต่างจังหวัด ทราบข่าวว่าหนาแน่นพอสมควร หมอชิต แล้วก็พื้นที่ต่างๆ ที่ประชาชนหลั่งไหลกลับเข้ามาทำงาน ก็อยากจะบอกว่าเป็นการเริ่มต้นในแง่ของการทำงาน ก็หวังว่าทุกท่านจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แล้วก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยความขยันหมั่นเพียร เพราะฉะนั้นก็ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความ
สำเร็จครับ” จากการติดตามการรับสมัครรับเลือกตั้ง สส. ระบบเขต วานนี้ มีหลายเขตที่ยังไม่มีผู้สมัคร และมีหลายเขตมีผู้สมัครเพียงคนเดียว คุณอภิสิทธิ์มองเหตุการณ์นี้อย่างไร จะเดินต่ออย่างไร “คงปฏิเสธยากนะครับว่า การเลือกตั้งในขณะนี้ที่มีการยุบสภา แล้วก็กำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 2 มันอยู่ในภาวะซึ่งไม่ปกติจริงๆ ผมไม่ทราบว่าบ้านท่านอยู่เขตไหน แต่บางเขตขณะนี้ก็ไม่มีแม้แต่ป้ายหาเสียงเลยครับ นี่เหลือระยะเวลา 1 เดือนพอดีถึงวันเลือกตั้ง ปกติเวลาไปสมัครรับเลือกตั้งกันจะมีกองเชียร์กันไป เสร็จแล้วก็เรียกว่าพอจับหมายเลขปั๊บนี่ ป้ายเต็มถนนอยู่แล้ว รีบเอาพิมพ์เบอร์ที่จับได้ออกมาติด แล้วก็หาเสียงกันอย่างคึกคัก แต่ปีนี้ไม่มีบรรยากาศนี้เลย เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่ว่า ทุกฝ่ายจะยอมรับความเป็นจริงตรงนี้หรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็เดินหน้ากันไป เดินหน้ากันไปคำถามก็คือว่า จะทำอย่างไรกับพื้นที่ซึ่งยังมีปัญหาอยู่ ผมก็ยังไม่แน่ใจนะครับ เพราะว่าการรายงานตัวเลขนั้นยังไม่ค่อยตรงกันว่าทั้งหมดมันกี่เขต ก็จะเป็นปัญหาว่า จะทำอย่างไรกันต่อไป ซึ่งเข้าใจว่าวันนี้ กกต. จะมีการประชุมในช่วงเช้า บ่ายความจริงท่านก็พยายามนัดหมายประสานงานกันอยู่ ที่จะเชิญพรรคการเมือง มีเพื่อไทย มีประชาธิปัตย์ไปคุย ก็คงจะเป็นการคุยหลังจากที่ทราบท่าทีของ กกต. ครับว่า มีความเห็นอย่างไรกับการเปิดรับสมัครที่ผ่านมา ตัวเลขนั้นผมไม่แน่ใจว่า ผมเข้าใจถูกหรือไม่ว่า ขณะนี้มี 28 เขตใช่มั้ยครับ ที่ไม่มีผู้สมัคร (22 เขต มีผู้สมัครคนเดียว) เขตที่มีผู้สมัครคนเดียวคงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรนะครับ ก็ว่ากันไปตามกระบวนการการเลือกตั้งปกติ เขตที่ยังไม่มีการสมัครนี่สิครับที่จะต้องดูว่าจะต้องทำอย่างไรกันต่อไป” ในทัศนะของคุณอภิสิทธิ์คิดว่าจะสามารถเลื่อนการรับสมัคร หรือขยายวันรับสมัครออกไปได้หรือไม่ “ผมว่าวันนี้พูดยากมากนะครับ เพราะว่าจริงๆ แล้วสิ่งหนึ่งซึ่งน่าจะตรงก็คือที่ กกต. เขาเคยแถลงเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือเขาบอกว่า สภาวะแวดล้อม แล้วก็การดำเนินการอย่างนี้ เขาคงไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้สุจริต เที่ยงธรรม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้ อันนี้พูดเจตนารมณ์ก่อนนะครับ ซึ่งผมว่าคนก็เห็นชัดอยู่แล้ว แต่ข้อกฎหมายนั้นจะยุ่งยาก เยอะพอสมควรว่า ตกลงมันจะต้องทำอย่างไร จะขยายวันเลือกตั้ง แล้วจะไปมีผลกระทบต่อวันเลือกตั้งหรือไม่ แล้วก็จะบริหารจัดการกันอย่างไร ท่ามกลางความวุ่นวายอย่างนี้ ซึ่งทั้งหมดก็เคยเตือนเอาไว้แล้ว ทุกฝ่ายก็เตือนกันไว้แล้วว่า ถ้าไม่มีการมาปรึกษาหารือ หาทางออกกัน มันก็คงจะวุ่นวาย” แสดงว่านอกจากไม่แน่ชัดแล้ว ยังทำให้เกิดความไม่แน่นอนตามมาด้วย “ถูกต้องครับ ไม่แน่นอนด้วย แล้วก็มีความสุ่มเสี่ยงต่อความวุ่นวายอะไรต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น เอาว่าแม้ว่าเลือกตั้งสำเร็จ 2 ก.พ. ผมก็ไม่คิดว่ามีใครมองว่าเลือกเสร็จแล้ว ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ความยอมรับต่อการเลือกตั้ง ต่อสภา ต่อรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น ก็คงเป็นปัญหาอีก” แทบจะเรียกว่าเป็นสภาชุดเดิม พูดได้หรือไม่ “คงไม่ชุดเดิมหรอกครับ พวกผมหายไปเยอะนะครับ” คุณอภิสิทธิ์คิดว่า กกต. หรือรัฐบาล ควรจะทำอะไร “ผมว่า กกต. คงมีหน้าที่ในการประมวลเหตุการณ์ แล้วก็ข้อสรุปทั้งหมดเกี่ยวกับการรับสมัครว่า 1. มีปัญหาที่ในเชิงข้อกฎหมายที่จะต้องตัดสินใจอย่างไรต่อไปในข้างหน้า แล้วก็คงจะต้องถามรัฐบาล เพราะว่าอย่าลืมว่านายกรัฐมนตรี กับประธาน กกต. เขารักษาการร่วมกันนะครับในพระราชกฤษฎีกาที่จัดให้มีการเลือกตั้งนี้ เขาต้องปรึกษากันว่า มันยังเป็นไปตามนั้นได้หรือไม่ ความหมายก็คือ 2 ก.พ. ยังเป็นการเลือกตั้งทั่วไปที่สามารถจัดให้ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าเขาคิดว่าได้ เขาก็ต้องเดินหน้าต่อ เขาก็ต้องตัดสินใจว่าข้อกฎหมายจะให้เขาทำอย่างไร จะให้เขาเปิดรับสมัครต่อหรืออย่างไร แต่ถ้าเขาคิดว่ามันไม่ใช่ มันก็ต้องถามต่อว่า แล้วจะมีทางออกอย่างไร เพราะฉะนั้นการพูดถึงการเลื่อนการอะไรนั้นมันจึงเกิดขึ้น” ท่าทีตอนนี้ชัดเจนมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่สถานการณ์การรับเลือกตั้งนั้นไม่ปกติ พรรคเพื่อไทยก็บอกว่าต้องเลือกตั้ง วันนี้มีข่าวว่าสามารถขยายวันรับเลือกตั้งได้ “พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนั้น ปักธงเอาไว้ว่าอย่างไรก็ต้อง 2 ก.พ. มีความวิตกกังวลอะไรหลายอย่างว่า ถ้าไม่มีการเลือกตั้ง 2 ก.พ. แล้ว มันจะไปกระทบกับเขาอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ว่าประเด็นที่ทุกคนพูดในขณะนี้ก็คือว่า เรากำลังพยายามแสวงหาทางออก แล้วก็ความสงบเรียบร้อยให้กับบ้านเมือง ถ้าทุกคนกังวลเฉพาะสถานะ และจุดของตัวเอง ก็คงเดินยาก ขณะเดียวกัน ผมว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งไปหลายเรื่องแล้วเหมือนกันนะครับ” “คือในส่วนรัฐบาลเองก็มีเรื่องปัญหาการบริหารราชการซึ่งดูจะเกินเลยไปจากสิ่งที่ควรกระทำ มีคนตั้งข้อสังเกตว่าการลงพื้นที่บ้าง การแจกของ แจกเงิน หรืออะไรบ้างนั้น ก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว มีประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรับสมัครทั้งบัญชีรายชื่อ ทั้งในส่วนของเขตต่อการกระทำซึ่งดูแล้วน่าจะมีความไม่ปกติอยู่ ไม่ว่าจะเกิดที่ดินแดงก่อนหน้านี้ หรือที่นครศรีธรรมราช รวมทั้งก็มีประเด็นว่า ทำไม กกต.เขต กกต.จังหวัด บางพื้นที่ดูเหมือนจะได้รับแรงกดดัน หรืออาจจะเป็นการแทรกแซงด้วยซ้ำจากทางรัฐบาล ที่อย่างที่คุณถนอมพูดนะครับ พยายามจะบอกว่า ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ขณะที่ กกต.กลางเอง หลายครั้งเขาออกมาบอกว่า เขาทำไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้เขาทำอย่างนั้น” คุณอภิสิทธิ์มีข้อเสนอแนะอย่างไร ขณะที่ กกต. มีท่าทีว่าอยากจะให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน ด้านพรรคเพื่อไทยบอกว่าวันที่ 2 กพ. ต้องเลือกตั้ง “คือ 2 ส่วนนี้ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยนะครับ รัฐบาลกับทาง กกต. นั้นเขามีหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกา วันนี้เขาต้องประเมินตรงไปตรงมาว่า เขาทำตรงนั้นต่อไปได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ถ้าไม่ได้ ทางออกมันคืออะไร ตรงนี้ผมคิดว่าสิ่งที่ก็เป็นคำถามที่ก็ต้องถามนะครับ เช่นว่า ถ้าบอกว่าจะมีการเลื่อนการเลือกตั้ง มันจะเลื่อนแบบไหน อย่างไร คำว่าเลื่อนขณะนี้ ดูเหมือนจะมี 2 แบบนะครับ พูดกันนี้บางทีไม่ได้ตรวจสอบกัน อาจจะคิดคนละเรื่องกัน ฝ่ายนึงคิดว่าเลื่อนนั้นหมายความว่า ผู้สมัครที่รับสมัครไปแล้ว อะไรต่างๆ กระบวนการต่างๆ ทำไปแล้วทั้งหมดนั้นสมบูรณ์ ก็เดินกันต่อ หมายความว่าสมมติว่า บอกแทนที่จะเลือกวันที่ 2 ก.พ. เลื่อนไปวันที่ 2 มี.ค. สมมตินะครับ เลื่อนวันลงคะแนนทำนองนั้น แล้วก็อาจจะทำให้มีช่องโหว่ในการที่จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นเปิดรับสมัคร ขยายการรับสมัครเพิ่มขึ้น อันนี้ก็มีการคิดแบบเลื่อนแบบนี้อยู่แบบหนึ่ง อีกแบบหนึ่งก็คือบอก มันไปไม่ได้แล้วแบบนี้ ไปไม่ได้แล้วก็ต้องคิดว่า พูดง่ายๆ เหมือนกับยกเลิกการเลือกตั้ง 2 ก.พ. แล้วก็ไปกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เริ่มต้นกันใหม่หมด ซึ่งถามว่าทำได้มั้ย ในอดีตเคยต้องเลือกตั้งกันใหม่หมดนี้ ศาลเคยชี้ว่า การเลือกตั้งว่า 2 เม.ย. 49 มันโมฆะ อันนี้ก็อาจจะเห็นว่า มันมีกระบวนการหลายอย่างไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้แล้ว สุดแล้วแต่ ก็ว่าไป แต่ กรณีแรกก็ดี กรณีหลังก็ดี ผมคิดว่า รัฐบาลเองเขาก็อยากจะถาม กกต. เองเขาก็ตั้งคำถามว่า ถ้าเลื่อนแล้วมันจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่า คือถ้าเลื่อน จะเลื่อนวันลงคะแนน หรือจะยกเลิกการเลือกตั้ง แล้วไปกำหนดใหม่ แต่สถานการณ์เหมือนเดิมอีก จะมีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นผมคิดว่า ขณะนี้สิ่งที่คนมองก็คือว่า ถ้ามีการเลื่อน หรือจะเลื่อน มันก็ต้องมากำหนดแนวทางกันก่อนว่า ระหว่างที่กำลังจะเลื่อน หรือตัดสินใจเลื่อนนี้จะหาทางออกกันอย่างไร ถ้าเลื่อนไปเฉยๆ แล้วก็ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม จะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ อีกเดือนนึงท่านก็อาจจะมาถามผมแบบนี้อีก จะทำอย่างไรกันดีใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นถ้ามันยังไม่มีแนวทางที่พอเห็นว่ามันจะเป็นทางออก ผมคิดว่าคงจะเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นการเลื่อนนี้ก็ต้องมาพร้อมๆ กับการกำหนดกระบวนการว่า จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองอย่างไร” ที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่า การตัดสินใจเลื่อน หรือไม่เลื่อนเลือกตั้งออกไปแบบไหนอย่างไรต้องดูที่ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นหลัก แต่การตัดสินใจของรัฐบาลรักษาการ เขาอาจไม่ได้คิดตรงนี้ อาจจะคิดว่าถ้าไม่มีการเลือกตั้ง 2 ก.พ. แล้ว พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มการเมืองที่มีอำนาจอยู่ จะไม่ได้อะไร หรือจะเสียอะไร ขอให้ช่วยขยายความด้วย “คือเวลานี้เขามีความวิตกกังวล คล้ายๆ กับว่า สูญเสีย คือในมุมมองของรัฐบาลเขาก็อ้างว่า บอกเขาถอย แต่ว่าการถอยของเขาหลายครั้งมันก็คือการจำนนต่อสถานการณ์ ทีนี้เมื่อเขาถอย เขาคิดว่าเขาถอย ก็คือว่า 1. เขายุบสภาไปแล้ว หมายความว่าผู้แทนเขาก็หมดสถานะไปแล้ว รัฐบาลก็เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ เขาก็กังวลว่า ถ้ามันยังไม่มีการเลือกตั้งอีก เขาก็กลัวเหตุแทรกซ้อนมันจะเกิดขึ้น ข้อเรียกร้องอะไรต่างๆ มากมาย ปัญหากับมวลชนอะไรต่างๆ แล้วก็แน่นอนเขาก็ต้องกลัวว่า จะเกิดรัฐประหาร เหมือนกับที่หลายคนในประเทศนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็กังวลอยู่ว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรนอกรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะฉะนั้นเขาก็กังวลตรงนี้ นอกจากนั้นยังมีปัญหาว่า เขาเองมีคดีค้างอยู่ที่ ปปช. ค่อนข้างเยอะ ก็กังวลว่า ถ้าเกิดถูกชี้มูล แล้วก็ยังอยู่ในระหว่างที่มันไม่มีสถานะที่แน่นอน อะไรจะเกิดขึ้น อย่างเช่นสมมติว่า สมัครผู้แทนกันไปอย่างนี้ ปรากฎว่า ปปช. ชี้มูล ตู้ม แล้วทำอย่างไร ผู้สมัคร 300 กว่าคน สมมตินะ เขาคงมีความกังวลตรงนี้ แต่ถ้าหากว่าสมมติว่าเลือกตั้งไปแล้ว อย่างนี้เขาก็ปฏิบัติได้ครับ หมายความว่า มีปัญหาก็ เลือกตั้งซ่อม หรืออะไร ก็ว่ากันไป” แบบนี้เป็นการมองในแง่ดี แต่ถ้าจะมองว่า เพราะกลัวว่าถ้าตัวเองไม่มีอำนาจรัฐ และจะไม่สามารถใช้อำนาจรัฐปกป้องตัวเองได้ ก็มองได้เหมือนกัน “อ๋อ อันนั้นก็ต่อไป ก็เป็นประเด็นต่อไปที่ต้องถามว่า แล้วที่คุณกังวลกันมากว่า เอ๊ะ คุณเป็นรัฐบาล หรือคุณไม่ได้เพราะอะไร ก็คงต้องมาถกเถียงกันละครับ เขาก็ต้องอ้างว่า เขาพยายามจะอยู่ในตำแหน่ง สถานะอะไรเพื่อช่วยเหลือประชาชน ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับเขาก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่หรอก เพราะว่าขณะนี้ก็มีนโยบายหลายเรื่อง ซึ่งเป็นปัญหาค้างกันอยู่ โดยเฉพาะเรื่องจำนำข้าวที่ประชาชนยังรอเงินอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้จะค่อนปีแล้ว ตรงนี้เป็นปัญหา แล้วก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง” ถือได้ว่าเป็นเหตุผลที่รัฐบาลดึงดันจะให้มีการเลือกตั้งให้ได้ เพราะต้องการรักษาอำนาจไว้ “ผมเองนั้นผมเป็นห่วงนะครับตอนนี้ว่า ผมเชื่อว่าหลายองค์กรก็เห็นเช่นเดียวกันว่า ความชะงักงันในหลายๆ เรื่อง ถ้าเราไม่หาทางออกที่มันยั่งยืน มันก็ส่งผลกระทบรุนแรงต่อความเป็นอยู่ ต่อเศรษฐกิจ อย่างตัวอย่างเรื่องจำนำข้าว ในความเห็นผมนะ ถ้าไม่เดินหน้าปฏิรูป แล้วก็แก้ปัญหาตรงนี้ไป ก็จะเป็นปัญหาที่กระทบกับเกษตรกร กับชาวนาจำนวนมาก แล้วก็ฐานะการเงิน การคลังของประเทศ ความน่าเชื่อของประเทศด้วย” เมื่อดูท่าทีของ นส. ยิ่งลักษณ์ แล้วคิดว่ากำลังจะทำอะไรต่อไป “ผมคิดว่าสิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ทำนั้นคือการส่งสัญญาณว่าจะปักหลักสู้ เพราะว่าอย่างที่บอกนะครับว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็พูดชัดว่า จะต้องเดินหน้าไปสู่ 2 ก.พ. คุณยิ่งลักษณ์ก็กลับไปอยู่เชียงใหม่ ช่วงปีใหม่ กลับมาที่ทำเมื่อวานนี้คือพยายามจะยืนยันว่า ตำรวจ ทหาร ยังอยู่เคียงข้างกับรัฐบาล ถูกมั้ยครับ ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตให้เห็นว่า ถ้ามันเป็นการหาเสียงตามปกติ ป่านนี้คุณยิ่งลักษณ์ต้องเดินเข้าหาประชาชนสิครับ แต่ว่าทำไม 3 – 4 วันที่ผ่านมา 1. คุณยิ่งลักษณ์พยายามหลบอยู่ แล้วก็กลับมาเดินหน้าหาตำรวจ ทหารเสียก่อน มันก็เป็นตัวที่เป็นคำตอบอยู่แล้วครับ” สู้กับประชาชนหรือไม่ “ผมก็คงตอบยากนะครับ ผมว่าคุณยิ่งลักษณ์รู้สึกจะต้องสู้กับหลายด้านเหลือเกิน ประชาชนด้วยนะครับ บางทีอยากจะตัดสินใจอะไร ก็ต้องไปต่อสู้กับพี่ชาย แล้วก็คงต้องต่อสู้กับจิตใจของตนเองมั๊งครับว่าจะเอาอย่างไรกันแน่กับอนาคตของตัวเอง” เมื่อคืน คุณสุเทพตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตำรวจจะสู้กับใคร ชนะประชาชนแล้วจะเป็นอย่างไร ถ้า นส. ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยปักหลักสู้กับมวลมหาประชาชน เหตุใดยังคิดจะสู้กับประชาชน โดยไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต “ก็เราจะไปพูดนั้น ผมไม่ใช่คนกลางนะครับ ผมก็ยืนยันว่าการทำงาน การตรวจสอบของเราที่ผ่านมา มันก็ชัดว่า แนวทางของเขามันก็วนเวียนเรื่องอำนาจ เรื่องผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่ยอมปล่อยตัวนี้ มันก็อยู่วนเวียนอยู่อย่างนี้ มีอยู่หลายเรื่องมั๊งครับ ที่เขาคงอยากจะนั่งทับเอาไว้” ร.ต.อ.เฉลิม ระบุถึงชายชุดดำบนตึกสูงว่าไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นมวลชนที่ขึ้นไป แล้วยิงใส่ตำรวจ พร้อมกับบอกให้คุณสุเทพระวังว่าจะถูกยิงเหมือนนายสนธิ ลิ้มทองกุล คุณอภิสิทธิ์มองอย่างไร “คือผมไม่แน่ใจว่าเป็นคำขู่หรือเปล่า ก็เป็นสิ่งที่มันไม่เหมาะสมอยู่แล้วที่จะพูดจาทำนองนี้ แต่ผมติดใจจริงๆ นะครับ เรื่องกระทรวงแรงงาน ใครเชื่อบ้างครับว่า มวลชนจะสามารถขึ้นไปควบคุมพื้นที่ตรงนั้นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมว่าคนแรกที่ต้องลาออกคือรัฐมนตรีแรงงาน อยู่ได้อย่างไรครับ” ถือเป็นความล้มเหลวของ ร.ต.อ.เฉลิม รัฐมนตรีแรงงาน “ล้มเหลวทั้งในฐานะที่ 1. เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง แล้วก็ล้มเหลว 2. ในฐานะที่ชอบอวดนัก อวดหนาว่า ฉันเป็นตำรวจเก่า จะดูแลควบคุมมวลชน ฝูงชน อ้าว แล้วไปปล่อยให้มวลชนขึ้นไปได้อย่างไร มันไม่จริงหรอกครับ ผมยังไม่เห็นมีใครมีความเชื่อทำนองนั้นเลย ผมว่าคุณเฉลิม อาจจะรู้ดีอยู่นะครับว่าเป็นใครอย่างไร ไม่ต้องมาพยายามโยนไปที่ประชาชนหรอกครับ” จากภาพที่ตำรวจเสียชีวิต และมวลชนเสียชีวิต ด้านหนึ่งตำรวจรู้สึกว่าตำรวจถูกฆ่า ดูจะปักใจเชื่อว่ามวลชนทำให้ตำรวจเสียชีวิต คุณอภิสิทธิ์คิดว่าภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ใครจะต้องเป็นผู้อธิบายความจริงตรงนี้ “สุดท้ายแล้ว การกระทำทั้งหมดก็ต้องถูกคลี่คลายด้วยกระบวนการยุติธรรม แล้วก็ผมเชื่อว่าหลายฝ่ายก็อยากจะเห็นมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคนที่มีความเป็นกลาง เป็นอิสระ เช่นเดียวกับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ในอดีตก็ต้องทำอย่างนั้นมาตลอด แต่ว่าขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แวว เพราะว่ารัฐบาลก็ยังเดินหน้าในการที่จะเอาความเชื่อ หรือเอาโฆษณาชวนเชื่อของตัวเอง ยังพยายามยัดเยียดให้กับประชาชนอยู่” ประเด็นปฏิรูปของประชาธิปัตย์ จะดำเนินการอะไรอย่างไรต่อไป “เมื่อวานนี้ผมบอกว่าจะเริ่มนะครับ ก็เริ่มไปทำโฆษณา รณรงค์เรื่องการปฏิรูป ถ่ายทำกันอยู่ทั้งวัน เมื่อวานวันปีใหม่ พอมาวันนี้ผมก็จะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับองค์กรต่างๆ เรื่องปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่นอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ก็จะมี Transparency International ในส่วนของประเทศไทย มาพบที่พรรค แล้วก็พรุ่งนี้ก็จะเดินสายไปพบกับภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น แล้วก็ผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้วยครับ” คิดว่ากรอบระยะเวลาที่จะทำให้ได้พิมพ์เขียวนี้นานเท่าไหร่ “ไม่นานหรอกครับ ผมว่าในระยะเวลา ถ้าเป็นแต่ละด้านนี้ ก็จะทยอยออกมา แต่ละด้านนี้ก็อาจจะใช้เวลาประมาณสักสัปดาห์ 2 สัปดาห์ที่จะสรุปออกมา เพราะหลายเรื่องนี้เรามีพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ภาพรวมพิมพ์เขียวทั้งหมด คงจะปรากฎออกมาได้ในระยะเวลาเดือน 2 เดือนนี้แหละครับ” ประชาชนจะมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง “เราจะจัดกิจกรรมที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วม บังเอิญเราเริ่มต้นจากเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่น ก็จะคุยกับทางภาคี เครือข่ายต่างๆ เสียก่อน แต่ว่าในเรื่องอื่นๆ ก็คงจะได้มีโอกาสไปจัดกิจกรรมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วยครับ”

Comments